วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กาพย์เห่เรือ

เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร
          สารานุกรมประเทศไทย...สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเสนาพิทักษ์ มีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริยวงศ์ หรือขานพระนามกันโดยทั่วไปว่า เจ้าฟ้ากุ้ง
          เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรประสูติ พ.ศ.๒๒๔๘ ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระซึ่งเป็นพระปิตุลา (ลุง) ของพระองค์ ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จ พระบรมโกศหรือสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ กับกรมหลวงอภัยนุชิต พระมเหสีใหญ่ ทรงมีพระอนุชาต่างพระมารดา ๒ พระองค์ คือ พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าเอกทัศ(พระเจ้าเอกทัศ) และพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าดอกเดื่อ (ขุนหลวงหาวัด)
          จุลศักราช ๑๑๐๓ ปีระกา ตรีศก พ.ศ. ๒๒๘๔ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ ได้เข้าพระราชพิธีอุปราชาภิเษกเถลิงถวัลยราชสถิต ที่พระมหาอุปราช เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) และอภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าหญิงอินทสุดาวดี เมื่อเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลและ พระองค์ได้เป็นกองการปฎิสังขรณ์ วัดพระศรีสรรเพชญ์และวัดอื่นๆ มากมาย
          เจ้าฟ้าธรรมบิเบศร์ทรงพระปรีชาสามารถหลายด้าน โดยเฉพาะด้านวรรณกรรม พระองค์ทรงเป็นกวีที่ยิ่งใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาพระองค์หนึ่ง พระองค์ท่านสิ้นพระชนม์เพราะเหตุที่มีผู้ไปกราบทูลว่าพระองค์ลอบเป็นชู้กับเจ้าฟ้านิ่ม หรือเจ้าฟ้าสังวาลย์ซึ่งเป็น เจ้าจอมของ พระราชบิดา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงทรงลงพระอาญาเฆี่ยนจนสิ้นพระชนม์พร้อมด้วยเจ้าฟ้าสังวาลย์ แล้วนำพระศพไปฝังยังวัดไชยวัฒนาราม
          ผลงานด้านวรรณกรรมที่พระองค์ทรงนิพนธ์ไว้นั้นจัดเป็นวรรณกรรมอันเลอค่า โดยเฉพาะคำประพันธ์ประเภทกาพย์ห่อโคลงดูจะมีมากกว่างานพระนิพนธ์ชนิดอื่น ๆ งานนิพนธ์ที่เหลือจนบัดนี้มีที่รวบรวมได้ดังนี้
๑. กาพย์เห่เรือ
๒. บทเห่เรื่องกากี ๓ ตอน
๓. บทเห่สังวาสและเห่ครวญอย่างละบท
๔. กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก
๕. กาพย์ห่อโคลงนิราศธารทองแดง
๖. นันโทปนันทสูตรคำหลวง ทรงพระนิพนธ์ พ.ศ. ๒๒๗๙ ขณะทรงผนวช
๗. พระมาลัยคำหลวง ทรงพระนิพนธ์ พ.ศ. ๒๒๘๐ ขณะทรงผนวช
๘. เพลงยาวบางบท

เนื้อเรื่องย่อ 
กล่าวพรรณนาถึงขบวนเรือพยุหยาตรา ทั้งเรือพระที่นั่ง เรือพระบรมวงศานุวงศ์ เรือขุนนาง ข้าราชการ เรือในขบวนพยุหยาตรา และกล่าวชมปลา ชมนก ชมไม้ รวมทั้งสอกแทรกการรำพึงรำพันถึงนางอันเป็นที่รัก ตามแบบแผนในการแต่งนิราศ   การพรรณนาการเดินทางนั้นดำเนินเรื่องสัมพันธ์กับเวลา 1 วัน คือ เช้า ชมขบวนเรือ สายชมปลา บ่าย ชมไม้ เย็น ชมนก ค่ำ บทครวญถึงนางอันเป็นที่รัก
                                                                           
                                                                                             เห่ชมเรือ กระบวน


โคลง
ปางเสด็จประเวศด้าว   ชลาไลย
ทรงรัตนพิมานไชย   กิ่งแก้ว
พรั่งพร้อมพวกพลไกร   แหนแห่
เรือกระบวนต้นแพร้ว   เพลิศพริ้งพายทอง ฯ



เห่ชมปลา
 

ช้าลวะเห
พิศพรรณปลาว่ายเคล้า    คิดถึงเจ้าเศร้าอารมณ์
มัศยายังรู้ชม    สมสาใจไม่พามา
นวลจันทร์เป็นนวลจริง    เจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา
คางเบือนเบือนหน้ามา    ไม่งามเท่าเจ้าเบือนชาย
เพียนทองงามดั่งทอง    ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย
กระแหแหนห่างชาย    ดังสายสวาทคลาดจากสม  
ทรงแปลง
แก้มช้ำช้ำใครต้อง    อันแก้มน้องช้ำเพราะชม
ปลาทุกทุกข์อกกรม    เหมือนทุกข์พี่ที่จากนาง ฯ  
มูละเห
น้ำเงินคือเงินยวง    ขาวพรายช่วงสีสำอาง
ไม่เทียบเปรียบโฉมนาง    งามเรืองเรื่อเนื้อสองสี
ปลากรายว่ายเคียงคู่    เคล้ากันอยู่ดูงามดี
แต่นางห่างเหินพี่    เห็นปลาเค้าเศร้าใจจร  
ทรงแทรก 5 บท
หางไก่ว่ายแหวกว่าย    หางไก่คล้ายไม่มีหงอน
คิดอนงค์องค์เอวอร    ผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร
ปลาสร้อยล่องลอยชล    ว่ายเวียนวนปนกันไป
เหมือนสร้อยทรงทรามวัย    ไม่เห็นเจ้าเศร้าบ่วาย
เนื้ออ่อนอ่อนแต่ชื่อ    เนื้อน้องฤาอ่อนทั้งกาย
ใครต้องข้องจิตต์ชาย   ไม่วายนึกตรึกตรึงทรวง
ปลาเสือเหลือที่ตา    เลื่อมแหลมกว่าปลาทั้งปวง
เหมือนตาสุดาดวง   ดูแหลมล้ำขำเพราะคม
แมลงภู่คู่เคียงว่าย    เห็นคล้ายคล้ายน่าเชยชม
คิดความยามเมื่อสม    สนิทเคล้าเจ้าเอวบาง
หวีเกศเพศชื่อปลา    คิดสุดาอ่าองค์นางี
หวีเกล้าเจ้าสระสาง    เส้นเกศสรวยรวยกลิ่นหอม
ชะแวงแฝงฝั่งแนบ    ชะวาดแอบแปลบปนปลอม
เหมือนพี่แนบแอบถนอม   จอมสวาทนาฎบังอร
พิศดูหมู่มัจฉา   ว่ายแหวกมาในสาคร
คนึงนุชสุดสายสมร   มาด้วยพื่จะดีใจ ฯ
       เห่ชมไม้  
                                              

โคลง
เรือชายชมมิ่งไม้    มีพรรณ
ริมท่าสาครคันธ์    กลิ่นเกลี้ยง
เพล็ดดอกออกแกมกัน    ชูช่อ
หอมหื่นรื่นรสเพี้ยง    กลิ่นเนื้อนวลนาง ฯ
ช้าลวะเห
เรือชายชมมิ่งไม้    ริมท่าไสวหลากหลายพรรณ
เพล็ดดอกออกแกมกัน    ส่งกลิ่นเกลี้ยงเพียงกลิ่นสมร
ชมดวงพวงนางแย้ม    บานแสล้มแย้มเกสร
คิดความยามบังอร    แย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม
จำปาหนาแน่นเนื่อง    คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม
คิดคนึงถึงนงราม    ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง
ประยงค์ทรงพวงห้อย    ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง
เหมือนอุบะนวลลออง    เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม
พุดจีบกลีบแสล้ม    พิกุลแกมแซมสุกรม
หอมชวยรวยตามลม    เหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ
สาวหยุด พุดทชาด    บานเกลื่อนกลาดดาษดาไป
นึกน้องกรองมาไลย    วางให้พี่ข้างที่นอน ฯ  
มูละเห
พิกุลบุนนาคบาน    กลิ่นหอมหวานซ่านขจร
แม้นนุชสุดสายสมร    เห็นจะวอนอ้อนพี่ชาย
เต็งแต้วแก้วกาหลง    บานบุษบงส่งกลิ่นอาย
หอมอยู่ไม่รู้หาย    คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู
มลิวันพันจิกจวง    ดอกเป็นพวงร่วงเรณู
หอมมาน่าเอ็นดู    ชูชื่นจิตต์คิดวนิดา
ลำดวนหวนหอมตระหลบ    กลิ่นอายอบสบนาสา
นึกถวิลกลิ่นบุหงา    รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง
รวยรินกลิ่นรำเพย    คิดพี่เชยเคยกลิ่นปราง
นั่งแนบแอบเอวบาง    ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน
ชมดวงพวงมาลี    ศรีเสาวภาคย์หลากหลายพรรณี
วนิดามาด้วยกัน    จะอ้อนพี่ชี้ชมเชย ฯ

เห่ชมนก
โคลง
รอนรอนสุริยโอ้    อัษฎงค์
เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง    ค่ำแล้ว
รอนรอนจิตต์จำนง    นุชพี่ เพียงแม่
เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ว    คลับคล้ายเรียมเหลียว ฯ
ช้าลวะเห
เรื่อยเรื่อยมารอนรอน    ทิพากรจะตกต่ำ
สนธยาจะใกล้ค่ำ    คำนึงหน้าเจ้าตราตรู
เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง    นกบินเฉียงไปทั้งหมู่
ตัวเดียวมาพลัดคู่   เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย
เห็นฝูงยูงรำฟ้อน    คิดบังอรร่อนรำกราย
สร้อยทองย่องเยื้องกราย    เหมือนสายสวาทนาดนวยจร
สาลิกามาตามคู่    ชมกันอยู่สู่สมสมร
แต่พี่นี้อาวรณ์    ห่อนเห็นเจ้าเศร้าใจครวญ
นางนวลนวลน่ารัก    ไม่นวลพักตร์เหมือนทรามสงวน
แก้วพี่นี้สุดนวล    ดั่งนางฟ้าหน้าใยยอง
นกแก้วแจ้วแจ่มเสียง    จับไม้เรียงเคียงคู่สอง
เหมือนพี่นี้ประคอง    รับขวัญน้องต้องมือเรา ฯ
มูละเห
ไก่ฟ้ามาตัวเดียว    เดินท่องเที่ยวเลี้ยวเหลี่ยมเขา
เหมือนพรากจากนงเยาว์    เปล่าใจเปลี่ยวเหลียวหานาง
แขกเต้าเคล้าคู่เคียง    เรียงจับไม้ไซ้ปีกหาง
เรียมคนึงถึงเอวบาง    เคยแนบข้างร้างแรมนาน
ดุเหว่าเจ่าจับร้อง    สนั่นก้องซ้องเสียงหวาน
ไพเราะเพราะกังวาล    ปานเสียงน้องร้องสั่งชาย
โนรีสีปานชาด    เหมือนช่างฉลาดวาดแต้มกาย
ไม่เท่าเจ้าโฉมฉาย    ห่มตาดพรายกรายกรมา
สัตวาน่าเอ็นดู    คอยหาคู่อยู่เอกา
เหมือนพี่ที่จากมา    ครวญหาเจ้าเศร้าเสียใจ
ปักษีมีหลายพรรณ    บ้างชมกันขันเพรียกไพร
ยิ่งฟังวังเวงใจ    ล้วนหลายหลากมากภาษา ฯ





                           ลองฝึกท่องบทอาขยานกันดูนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น